29/9/53

ตามหารีสอร์ททูอินวัน..ที่พักกาย..ที่พักใจ

จากการไปสำรวจสถานที่บริเวณ รอบๆ เขาแผงม้า ในครั้งแรก ภายหลังจาก ห่างไกลไปถึงสิบกว่าปี เพื่อ เปิดตำนานรักดอกเหมย..อุ๊ย ตำนาน เราชาวอนุรักษ์ ร่วมใจพิทักษ์ลำเนา ในชื่อโปรเจคว่า “รำลึกความหลังเขาแผงม้า” จนได้มาซึ่ง “เขาแผงม้าในเวลาที่แตกต่าง” ใน ที่ผ่านมา...เมื่อใกล้ถึงวันจริง มีแนวร่วม สมัครพรรคพวก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ให้ความสนใจอยากไปร่วมแจมด้วยมากมาย...รู้สึกว่า เริ่มจะเป็นงานช้าง..จากน้ำผึ้งเพียงหยดเดียว (น้ำผึ้งเดือนสิบเอ็ด ที่บ่มนานกว่าสิบกว่าพรรษา หอมหวานเสมอ) ตัวตั้งตัวตี อย่าง สอง ต. ผู้น่ารัก ต้องทำการ สำรวจข้อมูลเพิ่มเติมแล้วสิ..เริ่มแรก..แน่นอนที่สุด เรื่องที่พัก..อย่าเพิ่งแปลกใจนะคะว่า ทำไมเราต้องมาซีเรียสเรื่องที่พักตรงนี้ ทั้งที่ ขึ้นหัวข้อโปรเจคว่า รำลึกความหลังเขาแผงม้า ก้อต้องพักบนแผงม้าสิ..อันนั้นแน่นอนที่สุดค่ะ..คืนวันเสาร์ ๑๑ ค่ำ เดือน๑๑ เราต้องนอนดูดาว ผิงดาว ด้วยกันบนยอดเขาแผงม้า เผื่อว่าจะเห็นบั้งไฟพญานาค หลงมา อีกฝั่งฝากฟ้า... แต่ด้วยความที่อยากมีเวลาส่วนตัวของคณะทีมดำเนินงาน (ความจริงคือทีมตัวตั้งตัวตีที่อยากเจอหน้ากัน) เราจึงตกลงกันว่าจะเดินทางก่อนล่วงหน้า..และปักหลัง อ้อล้อ..รอเธอ...เหมือนเช่นครั้งก่อนๆ..คอยลุ้นว่าใครจะมาถึงเป็นรายต่อไป....ดังนั้น เราจึง สำรวจที่พัก ที่มีความเหมาะสม..ที่พักที่ มีความเป็นส่วนตัวสูง..บรรยากาศดี..แคมปิ้งได้..ราคาไม่แพง ( เราไม่เน้นราคาแพงเริดหรู เนื่องจากเราใช้บรรยากาศของสถานที่ไม่ค่อยคุ้มเท่าไร เพราะกว่าจะไปถึงอาจจะดึก และออกจากรีสอร์ตเช้าเพื่อไปเตรียมงานบนเขาแผงม้าต่อ จึงตั้งโจทย์ไว้ตามนี้) เริ่มต้นหา จากอินเตอร์เน็ต ที่วังน้ำเขียวมีรีสอร์ตสวยๆ บรรยากาศดีๆมากมาย เลือกไม่หวาดไม่ไหว..ท้ายที่สุดมาปิ๊งโดนใจที่.. http://www.yamaoresort.com/ เขาเขียนโปรโมทไว้ว่า

ความประทับใจที่ท่านจะได้พบที่รีสอร์ทแห่งนี้

1. มีลำธารน้ำไหลเลียบเคียงสองฝั่งรีสอร์ทให้ความชุ่มชื่นตลอดปี

2. คุณจะได้สัมผัสกับเสียงธรรมชาติคล้ายดนตรีขับกล่อมเป็นน้ำตกไหลริน

3. อากาศเย็นสบายเหมือนดังอยู่ในประเทศญี่ปุ่นหรือแถบประเทศยุโรป

4. บ้านพักอยู่ในหุบเขาเนินเล็กๆ ที่เป็นส่วนตัวและเงียบสงบ

5. มีทะเลหมอกสีขาวปกคลุมรีสอร์ทในบรรยากาศแสนโรแมนติก

6. อยู่ใกล้กับลำคลองขนาบสองฝั่ง มีดอกบัวหรือปลาว่ายในชมในลำคลอง

7. สวนดอกไม้ให้สนุกกับการเรียนรู้ทางพฤกษศาสตร์และการนำไปใช้ประโยชน์ 8. เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งช็อปปิ้งได้สะดวก เช่น เขาใหญ่ แหล่งจำหน่ายดอกหน้าวัวและดอกเบญจมาศ ตลาดสดในตอนเช้า

รีสอร์ท บรรยากาศดี อะไรจะถูกขนาดนั้น..แค่ในเว็บหรือเปล่า..ของจริงจะเป็นอย่างไรนะ.. สายๆ วันเสาร์ งานตามล่าหาความจริง (ฟังเวอร์เชียว..ที่จริงคือเราตัดสินใจกันว่าจะเลือกที่นี่ล่ะ แต่สงสัยในความราคาถูกเกินไป จะดีจริงหรือ) เมื่อเพื่อนๆ ไว้ใจให้พวกเราเป็นคนตัดสินใจ เราต้องทำให้ดีที่สุด จึงเดินทางไปดูสถานที่จริง ก่อนยอมจ่ายเงิน (พันห้า อิอิอิ ทำเหมือนต้องจ่ายสักแสนห้าเลย) ก่อนอื่น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง..แวะหาอะไรอร่อยๆ ง่ายๆ ทานกันก่อนดีกว่า..ท่านผู้รับเมา เอ้ย!! ผู้รับเหมาใหญ่ การัณ เป็นพลขับ พาแวะ..”ปลาเผาเขาสลักได” เป็นร้านอาหารริมทาง ที่มีทั้งอาหารและกาแฟ หน้าตาดี รสชาดอร่อย คาปูชิโน หอมกรุ่น ถูกยกมาเสริฟ ตามด้วย สเต็คหมูจิ้มแจ่ว (ฟังดูเหมือนจะไฮโซ ยังไงก็ไม่พ้นจิ้มแจ่ว อิอิอิ)

แผนที่ก็ไม่มีมา อาศัยว่าพี่ตุ๊กตาผู้ชำนาญพื้นที่โทรสอบถามเส้นทางคร่าวๆแล้ว จึงช่วยกันสอดส่ายสายตาหา..หลังตลาด กม.79 ซอยประปา..อยู่ที่ไหน..ทางเข้าค่อนข้างลึกลับนิดหน่อยเนื่องจาก ถนนทางเข้าเป็นส่วนของ อบต. ทางรีสอร์ตจึงไม่สามารถซ่อมแซมหรือสร้างความสะดวกสบายอะไรได้ ผู้ที่ดั้นด้นเข้าไปคือใจรัก..

หลังจากหนังท้องตึงเต็มที่ หนังตาก็ยังมิได้หย่อนเนื่องจากโด๊ฟกาแฟสุดฤทธิ์ ก็เริ่มเดินทางเพื่อสำรวจที่พักกันเสียที จุดมุ่งหมายอยู่ที่ “ย่าเหมารีสอร์ต” และ ลานเขาแผงม้า วันนี้ต้องจองสถานที่ให้เรียบร้อย แต่เราผู้ซึ่งเถลไถลกันเป็นอาจิณจึง เริ่มต้นด้วยการดูสถานที่อื่นๆ ใกล้เคียงก่อน แล้วจึงเข้าไปที่จุดหมายเป็นอันดับสุดท้าย คิดได้ดังนั้น จึงเริ่มต้นด้วยรีสอร์ต ช่วงตำบลไทยสามัคคี ตามเส้นทาง ดาษดาด้วย ร้านขายของฝากและหมูหัน..พี่ตุ๊กตาปิ๊งไอเดียจะสั่งไว้เพื่อไปหันกันบนแผงม้า (อิอิอิ คุณพี่คะ อีกหนึ่งเดือนกว่าจะถึงงาน พี่โทรมาสั่งก่อนสักวันคงหนึ่งไม่สาย ยังไม่ต้องจองตอนนี้ก็ได้ คงไม่ต้องให้เริ่มเลี้ยงหมูก่อนมั้งคะ) รีสอร์ตตามรายทางเยอะแยะ สวยงาม ล้วนแล้วแต่บรรยากาศดี..แต่ฝนเจ้ากรรมเริ่มจะโปรยปรายมา ทำให้เราต้องเร่งไปให้ถึงจุดหมายโดยด่วน ไม่มีเวลาสำหรับการเอ้อละเหยลอยลมอีกแล้ว..

เมื่อเข้าไปถึงบริเวณรีสอร์ท เราได้รับการต้อนรับที่ค่อนข้างเป็นกันเองมากจากพนักงาน และเมื่อเราแจ้งว่าเราเคยโทรคุยรายละเอียดเบื้องต้นกับคุณกุ้งผู้เป็นเจ้าของ เรียบร้อยแล้วพนักงานจึง ชี้นำให้เราไปที่ด้านล่างของรีสอร์ท ซึ่งมีลักษณะลาดลงไปในหุบ และมีลำรางธรรมชาติขนาบข้างตลอดแนวจนถึงด้านหน้าของบ้านพักหลังใหญ่เราเลือกแล้ว..

บริเวณหน้าบ้านมี ศาลากลางน้ำและ ลานสำหรับแคมปิ้ง เมื่อเดินลงไปถึง คุณกุ้งเจ้าของรีสอร์ทเดินมาให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี..ตามด้วย คุณปู ผู้เป็นสามี เข้ามาแนะนำตัว เขาเป็นครอบครัว”สัตว์น้ำ” ภายหลัง(ซึ่งอีกไม่ถึงชั่วโมงถัดมา) เราเรียกกันว่า พี่กุ้ง พี่ปู ได้อย่างสนิทใจ...พี่ๆ พาเราชมสถานที่ รวมถึง พูดคุยถึงความต้องการของเรา จากนั้นเพียงไม่กี่นาทีสายฝนก็โปรยปรายลงมา เหมือนตั้งใจให้เราหยุดเวลาไว้ที่นั่น..พี่ปูเริ่มหาแนวร่วม..จึงมาถามพลขับเพื่อนรัก..”ดื่มหรือเปล่าครับ” ว่าแล้วพี่แกก็รินเหล้าใส่แก้วสองใบเดินมาทีศาลากลางน้ำ(เราสังเกตุเสื้อแกทันที และชอบมาก “ชมรมคนชอบเมา” อยากได้สักตัวเชียว) ที่สำคัญ คุยไปคุยมา จุดใต้ตำตอ.."คนอนุรักษ์เหมือนกัน..." อาการ “ติดฝน” จึงเกิดขึ้น

ด้วยเหตุแห่ง พระพิรุณโปรยปราย หยุดเราไว้ที่นั่น ทำให้เราได้ทราบแนวความคิดหลายๆ อย่างของเจ้าของรีสอร์ตผู้ใจดีทั้งสองท่าน..”บ้านหลังใหญ่ สองห้องนอนสองห้องน้ำไม่จำกัดจำนวนคนพัก พร้อมอาหารเช้าเหลือเฟือ ราคาเพียง หนึ่งพันห้าร้อยบาท แล้วพี่ได้อะไรคะ..แค่อาหารเช้า ทั้งกาแฟ โอวัลติน ขนมปัง ปาท่องโก๋ ข้าวต้ม....เยอะแยะก็แทบไม่เหลือแล้ว..ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ”...พวกเรายิงคำถามกันทันที (ได้ของถูกและดี แน่นอนเราดีใจอยู่แล้ว แต่อยากรู้ว่าพี่คิดอย่างไร??) พี่กุ้งตอบเราว่า ได้ความสุข คนที่มาเยือนก็เหมือนเพื่อน ทุกคนต้องการความสุข เรามีความสุขจากธรรมชาติ จากสิ่งดีๆ รอบข้าง ก็อยากให้ทุกคนได้ลิ้มรสความสุขด้วยกัน..พี่ปูบอกว่าเราว่า “พี่สร้างที่นี่ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ ..” แค่เรามีความสุข และพนักงานมีรายได้..

เราใช้เวลากับการจองที่พักจากก่อนเที่ยงถึงเกือบสี่โมงเย็น(พร้อมด้วยคำถามที่ได้ยินแล้วยินดีมาก...”เสื้อที่ชอบน่ะอยากได้สีอะไรเดี๋ยวพี่ไปหาไว้ให้” อิอิอิ นี่สิโดน!!!) แต่สิ่งที่เราทราบแน่นอนว่าเราได้ที่พักโดนใจพร้อมสิ่งทีแถมมาจากโจทย์ที่เราตั้งไว้..ที่พักที่ มีความเป็นส่วนตัวสูง..บรรยากาศดี..แคมปิ้งได้..ราคาไม่แพง..มิตรภาพ ความอบอุ่น และความจริงใจ..ที่หาได้ยากจากธุรกิจรีสอร์ตในปัจจุบัน..



ขอบคุณพี่ปู กับ พี่ กุ้ง ย่าเหมารีสอร์ท นะคะ ที่ให้อีกหนึ่งมุมมองดีดี กับพวกเรา และต้องขออภัยเป็นอย่างสูงนะคะที่ถือวิสาสะ ใช้โทรศัพท์อัดบางส่วนในเนื้อหาที่พูดคุย แค่รู้สึกทึ่งในมุมมองของพี่และอยากให้เพื่อนๆ ได้รับรู้แต่เกรงว่าจะสื่อสารออกมาได้ไม่ครบถ้วนหรือผิดเพี้ยนไป...