15/8/53

เขาแผงม้าในเวลาที่แตกต่าง

รำลึกความหลัง "วันวานเราชาวอนุรักษ์" ที่เขาแผงม้า..ใครจะไปยกมือขึ้น !!! จากกระทู้หัวข้อนี้...Trip By THeGAng เดอะแก๊งค์ ”เราชาวอนุรักษ” ซึ่ง กำหนดการสำหรับรำลึกความหลังที่เขาแผงม้า ในวันที่ 23-24 ตุลาคม 2553 ที่ใกล้จะมาถึง..หลังจากกลับไปนอนหนุนตักคุณแม่ จนหนำใจ จึงขอเบียดบังเวลาแบ่งให้คุณเพื่อนๆ นิดหน่อย..

เพื่อนมารับในตอนเช้าของวัน ศุกร์ 13 จุดมุ่งหมาย เขาแผงม้า..โดยโทรตาม นายอ๊อบแอ๊บเจ้าของพื้นที่..เจอกันที่ทางขึ้นเขาแผงม้า..ตั้งใจไว้ว่า หลังจากดูเส้นทาง และ สถานที่พัก จะต้องแวะนมัสการ..เอ้ย!! ไม่ใช่..ทักทาย น้าเบิ้ม (อรทัย) และพี่โชค(โชคดี) ซะหน่อย..(แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้แวะเนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ เพราะมีนัดทานเข้าเย็นกับคุณแม่..ถ้าได้เจอกันสงสัยต้องยาว..เอาไว้เดือนหน้าทีเดียวเลยดีกว่า)
ตั้งใจว่าจะใช้เวลาสำหรับการรอคอยเจ้าถิ่น โดยการนั่งจิบกาแฟ ชมบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งมีมากมายตามริมทาง...พี่ตุ๊กตา แนะนำร้าน “a cup of love” ซึ่งดูจะเป็นร้านที่เด่นที่สุดในบริเวณนี้ สังเกตได้จาก จำนวนคนเกือบร้อย กำลัง ง่วนอยู่กับการถ่ายรูป พวกเราซึ่งเป็นโรคเกรงกลัวผู้คน จึงขับต่อไปเพื่อหามุมสงบ..ขับไปจนถึงร้านเกือบสุดท้ายก่อนถึงทางขึ้นเขา จึงได้มุมดังกล่าวที่ร้าน “vevarian” ซึ่งน่าจะเปิด ใหม่ เพราะคนยังไม่พลุกพล่านเท่าร้านแรก..แต่บรรยากาศดี สบายๆ..คาปูชิโน่หอมกรุ่น ถูกนำมาเสริฟ..

จิบกาแฟ คุยกันไปถึง กำหนดการคร่าวๆ พวกเราอยากมานั่งรอตั้งแต่วันศุกร์ถึงดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ดังนั้นคืนแรกจึงขออนุญาตนอนพักที่บ้านเพื่อนเพื่อความสะดวก เพราะขึ้นเขาตอนกลาง ดูจะลำบากและอันตราย..พี่ตุ๊กตาจึงถามว่า “ต๋อยไม่ได้มากี่ปีแล้ว” เราตอบทันควัน สิบกว่าปี..คำตอบที่ได้คือ..ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วน้องเอ๋ย..แผงม้าที่น้องเคยเห็นมันไม่ใช่อีกแล้ว..เดี๋ยวนี้ถนนที่ตัดขึ้นเขาสามารถเดินทางได้ง่ายๆ ตลอดเวลาเหมือนที่เขาใหญ่..นี่คือคำบอกเล่าของพี่ตุ๊กตา ชาวอนุรักษ์รุ่นแรกๆ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไกล..จริงสินะ..เราไม่ได้มานานมาก ถนนที่เราเคยมาครั้งล่าสุดถูกลาดยาง เพียง 1 กม. เท่านั้น ที่เหลือเป็นเพียงถนนลูกรังแดงๆ..แต่เดี๋ยวนี้ สองข้างทางมีแต่วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จนเรียกได้ว่า สวิสแลนด์เมืองไทย..ทั้งรีสอร์ต ร้านกาแฟ..ทางขึ้นเขาที่ถูกตัดใหม่ จนรถเก๋งสามารถขึ้นได้..
หลังจากจิบกาแฟจนไม่เหลือแม้แต่ขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ อ๊อบแอ๊บก็ยังไม่มา เราจึงเดินทางต่อเพื่อไปรอให้ใกล้ที่สุด ผ่านปากทางเข้าหมู่บ้านคลองทราย..ศาลาที่เคยนั่งรอโบกรถ ยังคงเหมือนเดิม (น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่คงเดิม)
เลยไปถึงอ่างเก็บน้ำ ลำพระเพลิง ไม่นานนัก เสียงมอเตอร์ไซด์ฮ่าง ดังมาไกลๆ นายอ๊อบมาถึงแล้ว และพวกเราก็หิวแล้วเช่นกัน จึงตกลงกันว่า ไปทานข้าวกันก่อนค่อยขึ้นไปสำรวจบนเขาแผงม้า..อาหารเที่ยงวันนี้ ที่ ร้านครัวอิ่มสุข ดูบรรยากาศไป ทานอาหารไป...
เพิ่มรูปภาพ


หลังจากรับประทานอาหารจนทานไม่หมด ก็ได้เวลาเดินทาง ตั้งแต่ปากทางขึ้นเขา เราก็รู้สึกไม่คุ้นเคยซะแล้ว อ๊อบแอ๊บเริ่มบรรยายถึงช่วงที่แม็คโครตัดถนนขึ้นไปด้วยความยากลำบาก แต่เราจำได้เพียง ถนนแดงๆ ข้างทางไปกล้วยป่า และ กระถิน จุดชมวิวที่เคยมองลงไปเห็นแต่ป่าข้าวโพดและเขาหัวโล้นก็เปลี่ยนเป็นมองบ้านพักหลากหลายสไตล์ ของต่างประเทศ ที่ยกมาไว้ในเมืองไทย..ต้นไม้สองข้างทางเขาแผงม้า สูงใหญ่ร่มรื่น..จนถึงลานหน้าที่ทำการเขาแผงม้า ..รูปปั้นกระทิงตั้งตระหง่าน..มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคย..


คำถามแรก “แอ๊บโรงครัวกลางหุบอยู่ที่ไหน..เขาชี้ให้เห็นเพียงทางเดินลง..ซึ่งอยู่ระหว่างลานจอดรถ มองไปอีกด้าน เป็นที่ทำการ ส่วนลานกิจกรรมของเรา กลายเป็นลานกว้างสำหรับกางเต้นท์..เดินงงๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ แว่วได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ กำลังเล่าถึงประวัติความเป็นมาของเขาแผงม้า..ความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในใจ ไม่ทราบว่าความรู้สึกนี้เป็นตัวสีขาวหรือสีดำ จิตใต้สำนึกส่วนดีหรือส่วนไม่ดี..นึกถึงคำบอกเล่าของพี่ตุ๊กตา และคำพูดซึ้งๆ ของน้าเบิ้ม อรทัย “ บอกว่า ป่าผืนนี้ ก็เหมือน ลูกสาวเรา พอ ลูกสาวเราเติบโต สวยงาม ก็ต้องแต่งงานออกเรือนไปอยู่ในการดูแลผู้อื่น” ปัจจุบัน พื้นที่ป่า เขาแผงม้า อยู่ในความดูแลของ ป่าไม้ มิใช่เจ้าหน้าที่ มูลนิธิ คุ้มครองสัตว์และพรรณพืชฯ อีกแล้ว เจ้าหน้าที่ ที่พวกเราเคยรู้จักเคยร่วมงานด้วย ไม่มีอีกแล้ว..ทุกคนกลายเป็นเพียงชาวบ้าน บริเวณโดยรอบเขา “เท่านั้น” พี่โชคของเรา กลายเป็นเจ้าของ”สวนลุงโชค” ที่โด่งดัง ส่วนน้าเบิ้มอรทัย กลายเป็น วิทยากรรับเชิญ
..ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจไม่ค่อยดีเลย ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทำตามหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุด คือการบรรยายให้นักท่องเที่ยวได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่ อีกทั้งยังให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี โดยหารู้ไม่ว่าเรารู้จักที่นี่มาเป็นอย่างดี เกือบทุกอนู ..ต้นไม้หลายต้นพวกเราปลูก แนวกันไฟมากมาย พวกเราสร้าง พวกเรานั่งรถตระเวนเฝ้าระวัง ตั้งแต่ยังมองไม่เห็นกระทิง เห็นแค่เพียงแมวป่าตัวเล็กๆ...เวลานั้นเรารู้สึกว่า เขาเป็นใคร ...คล้ายกับว่าบ้านหลังหนึ่งที่เป็นของปู่ย่าตายาย ถ้าหากมีลูกหลานมาเล่าประวัติให้เราฟัง แม้ว่าเขาจะเกิดไม่ทัน เราก็คงรับฟังโดยดี แต่นี่เหมือนว่าเรารู้จักกับคนเก่าแก่ที่นั่น แต่สถานที่นั้นถูกเปลี่ยนเจ้าของ แล้วเจ้าของใหม่มาเล่าเรื่องที่เขาไม่รู้ ให้เราฟัง...

ต้องขออภัยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ดูแลที่นั่นด้วยนะคะ ในความคิดชั่ววูบตรงนั้น พวกเราทราบดีว่า ท่านทำหน้าที่ของท่านอย่างดีที่สุดแล้ว...

ในที่สุด เราก็กลับสู่สามัญ คือนั่งดริ๊ง ชมธรรมชาติ ที่บริเวณจุดชมวิวเขาแผงม้านั่นเอง..สรุปว่า น้าเบิ้มกับพี่โชค อยู่ที่”สวนลุงโชค” กำลังเตรียมงานเพื่อรองรับกิจกรรมของนักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ...กดดันเราเล็กน้อยว่า มาถึงนี่ทั้งทีจะไม่แวะไปหน่อยหรอ ถ้าไม่ลงไปก็จะกลับแล้วนะ..เราก็ไม่ได้แวะไปอยู่ดี เดี๋ยวยาวอ่ะค่ะคุณน้า..ไว้โอกาสหน้านะคะ..คิดถึงเหมือนเดิม...







กลับไปเฮอาหน้าบ้านเดอะแก๊งค์.....

4 ความคิดเห็น:

  1. รู้จักเขาแผงม้า มากขึ้นเยอะเลยครับ
    แต่มีแผนที่ฮ่ะป่าวล่ะ ขอด้วยฮ่ะครับ

    ตอบลบ
  2. แผนที่ดูได้ใน https://sites.google.com/site/anuraktechnokorat/news/kahndkarralukkhwamhlangkheaphaengmakhrangthi1 ค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไปค้างสวนลุงโชคมาได้สี่งดีๆหลายอย่าง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2554 เวลา 23:43

    วันที่1ก็ไปมาเหมือนกันแวะพักรถที่ทรงศิวิไลด้วย

    ตอบลบ

อ่านแล้วก้อเม้นท์สร้างสีสรรกันหน่อยสิคะ..อย่าผ่านไปเฉยๆ..คนเขียนก้อเฉาแย่สิ..5555++